วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สถานที่ท้องเที่ยว จ.ภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง

เขารัง เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่หลังตัวเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รถยนต์สามารถขึ้นไปจนถึงยอดเขา เทศบาลจัดเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และชมทิวทัศน์ของเมืองภูเก็ต จากยอดเขาจะแลเห็นตัวเมืองภูเก็ต ทะเลกว้าง เกาะเล็ก เกาะน้อย รวมทั้งทิวทัศน์ของเกาะทั้งใกล้และไกล
สะพานหิน สถานที่พักผ่อนหย่อนใจภายในตัวเมือง อยู่สุดถนนภูเก็ตซึ่งยื่นลงไปในทะเลเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์หลัก 60 ปี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่กัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัสไมล์ ชาวออสเตรเลียผู้นำเรือขุดแร่ลำแรกมาใช้ขุดแร่ดีบุกในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2452
ตึกสมัยเก่าในตัวเมืองภูเก็ตส่วนมากเป็นตึกสมัยเก่าแบบยุโรป สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเมื่อเกือบร้อยปีมาแล้ว เมื่อครั้งกิจการเหมืองแร่เริ่มเจริญใหม่ๆ ตึกสมัยเก่าเหล่านี้ได้รับอิทธิพลทางด้านสถาปัตยกรรมแบบจีนด้วยจึงเรียกว่า สถาปัตยกรรมแบบซิโน-โปรตุกีส ลักษณะตึกสมัยเก่าของภูเก็ตนั้นจะมีส่วนลึกมากกว่าส่วนกว้างและไม่สูงนัก ปัจจุบันจะหาดูได้บริเวณถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนพังงา ถนนเยาวราช และถนนกระบี่ นอกจากนี้ยังมีตึกโบราณที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ศาลจังหวัดภูเก็ต และธนาคารนครหลวงไทย เป็นต้น
เกาะสิเหร่ เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต อยู่ห่างจากตัวเมืองรวม 4 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันนี้ถือเป็นพื้นที่อันเดียวกับเกาะภูเก็ต มีคลองเล็กๆ ชื่อคลองท่าจีนคั่นเท่านั้น ประชากรที่เกาะสิเหร่นี้ส่วนหนึ่งเป็นชาวเล หรือชาวน้ำ ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในจำนวนชาวเลที่อาศัยอยู่ในเกาะภูเก็ต เกาะสิเหร่ เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา ชายหาดไม่เหมาะสำหรับการการเล่นน้ำ พื้นทรายมีโคลนปน
หมู่บ้านชาวเลชาวเลหรือชาวน้ำ หรือชาวไทยใหม่ เป็นชนกลุ่มน้อยของไทย อาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ตามเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ในเกาะภูเก็ตมีชาวเลอาศัยอยู่ที่หาดราไว ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต ประมาณ 17 กิโลเมตร และที่เกาะสิเหร่บริเวณแหลมตุ๊กแก
วัดฉลองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 8 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 4021 ผ่านสามแยกบริเวณสนามกีฬาสุรกุล เลี้ยวซ้ายไปทางห้าแยกฉลอง วัดฉลองจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงห้าแยกฉลองประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต มีรูปหล่อของหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อช่วง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวภูเก็ตทั่วไป
อ่าวฉลองอยู่ห่างตัวเมือง 11 กิโลเมตร ทางทิศใต้ของเกาะภูเก็ตไปตามทางที่ไปหาดราไว เมื่อถึงห้าแยกฉลองเลี้ยวซ้ายประมาณ 1 กิโลเมตรถึงอ่าวฉลอง มีสะพานไม้ทอดยาว ไปในทะเล ชายหาดเป็นรูปโค้งยาวเหยียดมองเห็นทิวมะพร้าวริมหาดเอนลู่ออกทะเล ทะเลบริเวณนี้ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะหาดเป็นโคลน ที่อ่าวฉลองนี้นักท่องเที่ยวจะเช่าเรือไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ หรือเช่าไปตกปลาได้
หาดแหลมกา ใหญ่เป็นหาดเล็กๆ ห่างจากตัวเมือง 16 กิโลเมตร จากห้าแยกฉลอง ใช้ทางหลวง 4024 ทางเข้าอยู่ตรงข้ามวัดสว่างอารมณ์ บริเวณหาดมีเรือให้เช่าไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ เช่น เกาะเฮ เกาะบอน เป็นต้น
หาดราไว อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 17 กิโลเมตร เส้นทางจาห้าแยกฉลองไปสู่หาดราไว (ทางหลวง 4024) เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดสายหนึ่งของภูเก็ต หาดราไว เป็นหาดที่สวยงามและมีชาวเลอาศัยอยู่
เกาะแก้ว อยู่ห่างจากหาดราไวประมาณ 3 กิโลเมตร นั่งเรือจากหาดราไวประมาณ 30 นาที มีหาดทรายและธรรมชาติใต้น้ำสวยงามมาก บนเกาะมีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานอยู่ด้วย
แหลมพรหมเทพ อยู่ห่างจากหาดราไวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่าแหลมเจ้า บริเวณแหลมพรหมเทพเป็นส่วนที่สวยงามที่สุดส่วนหนึ่งของเกาะภูเก็ต เหนือแหลมพรหมเทพเป็นที่ราบสำหรับจอดรถซึ่งอยู่บนหน้าผาสูงริมทะเล จากหน้าผานี้จะมองเห็นแหลมพรหมเทพทอดยาวออกไปในทะเล จะเห็นเกาะหลายเกาะรวมทั้งเกาะแก้ว ทางด้านขวามือจะเห็นแนวหาดทรายของหาดในหานชัดเจน จากบนหน้าผามีทางเดินลงเขาไปจนถึงสุดแหลมพรหมเทพได้ เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้งดงามยิ่งนัก
หาดในหานเป็นหาดที่อยู่ถัดจากแหลมพรหมเทพขึ้นไปทางทิศเหนือ อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 18 กิโลเมตร มีทางไปได้หลายทาง จะไปจากหาดราไวโดยผ่านหรือไม่ผ่านแหลมพรหมเทพก็ได้ หรือถ้ามาจากห้าแยกฉลองไปทางหาดราไวประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาไปบ้านใสยวน หนองหาน ประมาณ 4 กิโลเมตร ชายหาดในหานไม่ยาวนัก หาดทรายขาวสะอาด ด้านหลังของชายหาดเป็นบึง ชาวบ้านเรียกว่าหนองหาน ระหว่างทะเลและบึงมีเพียงหาดทรายของหาดในหานขวางกั้นอยู่เท่านั้น ในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม คลื่นจะแรงมาก ไม่ควรลงเล่นน้ำเพราะอาจเกิดอันตรายได้
อ่าวเสน เป็นอ่าวเล็กๆ ติดกับหาดในหานไปทางขวา ผ่านโรงแรมภูเก็ตยอช์ทคลับ เป็นชายหาดเล็กๆ ที่สงบ มีโขดหินน้อยใหญ่ หาดทรายขาวสะอาด
จุดชมวิวจากหาดในหานไปหาดกะตะน้อยตามเส้นทางถนนรอบเกาะ จุดชมวิวจะอยู่ระหว่าง 2 หาดนี้ จากจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเวิ้งอ่าวถึง 3 อ่าว คือ อ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรน ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก
อ่าวกะตะอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 17 กิโลเมตร จากตัวเมืองภูเก็ต เมื่อถึงห้าแยกฉลอง เลี้ยวขวาไปตามทางตามถนนหมายเลข 4028 อ่าวกะตะแบ่งออกเป็น 2 อ่าวคือ อ่าวกะตะใหญ่ กับอ่าวกะตะน้อย ทั้งสองอ่าวมีหาดทรายและชายหาดที่สวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ และใช้เป็นที่ฝึกดำน้ำ เนื่องจากมีแนวปะการังติดต่อกันไปจนถึงเกาะปูซึ่งอยู่ด้านหน้าหาดกะตะ ปัจจุบันหาดกะตะ เป็นหาดหนึ่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สถานที่พัก บริษัทนำเที่ยว ร้านค้า แหล่งบันเทิงต่างๆ ไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว
อ่าวกะรนอยู่ถัดจากอ่าวกะตะขึ้นไปทางเหนือมีเพียงเนินเขาเตี้ยๆ คั่นอยู่เท่านั้น แต่ถ้าจะไปที่กลางอ่าวกะรนและหมู่บ้านกะรน มีถนนแยกจากอ่าวกะตะไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร อ่าวกะรนใหญ่กว่าอ่าวกะตะ มีชายหาดยาวเหยียด เหนือชายหาดเป็นเนินทรายสูงๆ ต่ำๆ มีสนทะเลต้นใหญ่ๆ และต้นตาลขึ้นเรียงรายอยู่โดยทั่วไป หาดทรายที่อ่าวกะรนขาวสะอาดและละเอียดมาก
สถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำ ตั้งอยู่ที่ปลายแหลมพันวา มีพันธุ์ปลาน้ำจืดและน้ำเค็มกว่า 100 ชนิด แสดงให้ชม เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมเด็กและนักเรียน นักศึกษา คนละ 5 บาท ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท จากตลาดบริเวณถนนระนองจะมีรถสองแถวรับจ้างออกตั้งแต่เวลา 09.00 น. ทุกๆ ชั่วโมง จนถึง 15.00 น. รายละเอียดติดต่อโทร. (076) 391126, 391041
สวนผีเสื้อและอควาเรียมภูเก็ตตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร เดินทางไปตามถนนเยาวราชแล้วเลี้ยวซ้ายที่สามแยกหมู่บ้านสามกองไปเล็กน้อย เป็นสถานที่รวบรวมและอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในเขตร้อนจำพวกผีเสื้อ แมลง ปลา และปะการัง โดยจัดสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับธรรมชาติ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. ค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ชาวต่างประเทศเด็ก 50 ชาวต่างประเทศผู้ใหญ่ 120 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. (076) 215616, 210861
หมู่บ้านไทยและสวนกล้วยไม้ภูเก็ตอยู่ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร บนถนนเทพกษัตรีย์ ภายในมีการแสดงศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน การแสดงของช้าง ฟาร์มกล้วยไม้ ฯลฯ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. การแสดงรอบเช้าเริ่มเวลา 11.00 น. รอบเย็นเวลา 17.30 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 25 บาท ชาวต่างประเทศผู้ใหญ่ 230 บาท ชาวต่างประเทศเด็ก 120 บาทรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. (076) 214860-1
ฟาร์มชนะเจริญตั้งอยู่ที่ถนนชนะเจริญ หลังโรงภาพยนตร์พาราไดซ์ในตัวเมืองภูเก็ต เป็นฟาร์มเลี้ยงจระเข้น้ำจืดและจระเข้น้ำเค็ม เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. มีการแสดงของช้าง วันละ 2 รอบ เวลา 12.30 น. และ 14.45 น. ค่าเข้าชมคนไทย 40 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท
ที่มา http://www.relaxzy.com/province/phuket/attraction.html

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทาน

พรานใหม่ผู้กล้าหาญ

พรานใหม่คนหนึ่งมักจะเข้าไปถามพวกคนตัดไม้ว่าเห็นหมูป่า บ้างไหม บริเวณใดมีกวางมีเนื้อบ้าง

เเต่พวกคนตัดไม้ก็ยังไม่เคยเห็นพรานใหม่ผู้นี้ล่าสัตว์ใดได้สักตัว

วันหนึ่งพรานใหม่เข้าป่ามาเเต่เช้าพลางถามคนตัดไม้ว่า

"พี่ชาย เห็นรอยเท้าสิงโตที่ไหนบ้าง ช่วยบอกด้วยเถิด"

คนตัดไม้ก็บอกว่าเห็นอยู่ไม่ไกลนัก ตนยินดีจะพาไปล่าถึง หน้าปากถ้ำสิงโตเลยทีเดียว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพรานใหม่ก็ถึงกับส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน ว่าตนเพียงอยากเห็นรอยเท้าสิงโตเท่านั้น มิได้อยากล่าสิงโต

ผู้ที่ขี้ขลาด มักเเสดงว่ากล้าหาญเมื่อภัยยังไม่มาถึง

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable040.html

นิทาน

ลาโง่กับสิงโต

เมื่อสิงโตคำรามในยามออกล่าเหยื่อ สัตว์ต่างๆ ที่ผ่าน มาก็จะหวาดกลัวเเละรู้ว่าเป็นเสียงสิงโตจึงมักวิ่งหนี ไปได้ก่อนที่จะกลายเป็นอาหารอันโอชะของสิงโต

สิงโตจึงทำอุบายไปตีสนิทกับลาเเล้วชวนลาไปล่าเหยื่อ ด้วยกันลาดีใจนักที่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าป่าจึงทำตามที่ สิงโตบอกทุกอย่าง

ลาเข้าไปซุ่มซ่อนในพงไม้ พอสัตว์ต่างๆ ผ่านมาลาก็จะ เเหกปากร้องสุดเสียง พวกสัตว์ต่างๆ ไม่เคยได้ยินเสียง ลา จึงพากันวิ่งไปอีกทางหนึ่งซึ่งสิงโตดักซุ่มอยู่

วันนั้นสิงโตจึงได้อิ่มหนำสำราญกับสัตว์นานาชนิด

ลาก็คุยโอ่อย่างภูมิใจว่าที่สิงโตกินอิ่มได้ก็เพราะเสียง อันน่ากลัวของตน สิงโตก็ได้เเต่ยกยอปอปั้นลาทั้งๆ ที่รู้ว่าสัตว์ต่างๆ นั้นวิ่งหนี เพราะตกใจในเสียงประหลาดๆ ของลาต่างหาก

คนโง่ย่อมตกเป็นเครื่องมือของคนฉลาด

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable056.html

นิทาน

ผึ้งขอพร

พระอิศวรตรัสถามผึ้งที่มักจะนำน้ำผึ้งสดๆ เต็มรวงมาถวาย อยู่เสมอว่า

"เจ้าอยากได้พรใด จงขอมา ข้าจะให้พรเเก่เจ้า"

"ข้าอยากได้เหล็กในพระเจ้าข้า เมื่อต่อยเหล็กในมีพิษใส่ใคร ผู้นั้นต้องตายทันที"

คำขอของผึ้งทำให้พระอิศวรทรงกริ้วที่ผึ้งคิดทำร้ายผู้อื่น เเต่พระองค์ก็ทรงจำต้องให้พรตามที่ลั่นวาจาไว้

"ได้ ข้าจะให้พรเเก่เจ้า เเต่คนหรือสัตว์ที่ถูกเจ้าต่อยจะไม่ตาย ในทันที ส่วนเจ้านั้นเมื่อปล่อยเหล็กในเมื่อใดก็ต้องตายเมื่อนั้น"

ผู้ที่ขอให้เทพยดาทำร้ายผู้อื่น มักต้องได้รับกรรมด้วย

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable038.html

ม้าพยาบาท

ขณะที่ม้ากำลังกินน้ำอย่างหิวกระหายที่ริมลำธารเเห่งหนึ่ง หมูป่าก็เดินลุยลงไปในลำธารจนน้ำขุ่นกินไม่ได้

ม้าโมโหหนักจึงต่อว่าหมูป่าว่าลงมาย่ำน้ำทำไม

"ก็ฉันหิวน้ำเหมือนกันนี่"

หมูป่าตอบอย่างซื่อๆ เเต่ม้านั้นยังโกรธเเค้นไม่หาย จึง ต่อว่า ต่อขานหมูป่าไม่เลิก ในขณะที่หมูป่าก็โต้เถียง ไม่ลดละ

ม้าจึงไปหานายพรานคนหนึ่ง เเละขอให้นายพรานมาฆ่า หมูป่าเสียให้ตาย

นายพรานจึงเอาบังเหียนใส่ปากเเล้วขึ้นนั่งบนหลังม้าควบ ไปยังลำธาร เเล้วก็พุ่งหอกใส่หมูป่าอย่างง่ายดาย

เมื่อเสร็จธุระเเล้วพรานป่าก็บังคับให้ม้าคอยรับใช้ตน ตลอดไป เพราะการล่าสัตว์บนหลังม้านั้นสะดวกสบายดี เเละม้าก็มิอาจปฏิเสธ ได้เพราะถูกล่ามปากด้วยบังเหียน เเล้ว

ถ้าไม่ผูก พยาบาทชีวิตก็จะสุขสงบ

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable045.html

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทาน

ม้าพยาบาท

ขณะที่ม้ากำลังกินน้ำอย่างหิวกระหายที่ริมลำธารเเห่งหนึ่ง หมูป่าก็เดินลุยลงไปในลำธารจนน้ำขุ่นกินไม่ได้

ม้าโมโหหนักจึงต่อว่าหมูป่าว่าลงมาย่ำน้ำทำไม

"ก็ฉันหิวน้ำเหมือนกันนี่"

หมูป่าตอบอย่างซื่อๆ เเต่ม้านั้นยังโกรธเเค้นไม่หาย จึง ต่อว่า ต่อขานหมูป่าไม่เลิก ในขณะที่หมูป่าก็โต้เถียง ไม่ลดละ

ม้าจึงไปหานายพรานคนหนึ่ง เเละขอให้นายพรานมาฆ่า หมูป่าเสียให้ตาย

นายพรานจึงเอาบังเหียนใส่ปากเเล้วขึ้นนั่งบนหลังม้าควบ ไปยังลำธาร เเล้วก็พุ่งหอกใส่หมูป่าอย่างง่ายดาย

เมื่อเสร็จธุระเเล้วพรานป่าก็บังคับให้ม้าคอยรับใช้ตน ตลอดไป เพราะการล่าสัตว์บนหลังม้านั้นสะดวกสบายดี เเละม้าก็มิอาจปฏิเสธ ได้เพราะถูกล่ามปากด้วยบังเหียน เเล้ว

ถ้าไม่ผูก พยาบาทชีวิตก็จะสุขสงบ

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable045.html

นิทาน

สุนัขเฝ้าบ้าน

ชาวไร่คนหนึ่งเลี้ยงเเกะเเละเเพะไว้หลายตัว นอกจากนี้ยังเลี้ยงวัว ไว้ไถนาตัวหนึ่ง กับสุนัขอีก ๒ - ๓ ตัวไว้เฝ้าบ้าน

ครั้นในฤดูหนาวปีหนึ่งมีหิมะตกหนักตลอดเวลาจนชาวไร่ไม่ สามารถออกจากบ้านได้เลย

เมื่อเสบียงหมดลง เขาจึงฆ่าเเกะเเละเเพะกินเป็นอาหาร

เดือนต่อมาก็ฆ่าวัวกินเป็นอาหารประทังชีวิต

สุนัขเฝ้าบ้านจึงปรึกษาหารือกันอย่างร้อนใจว่า

"เเม้เเต่วัวที่เลี้ยงไว้ไถนาเขาก็ยังต้องฆ่ากินเลย ต่อไปคง ถึงคราว ของเราเเน่ พวกเราจะอยู่ต่อไปหรือจะหาทางหนีดีล่ะ"

เมื่อเห็นภัยเกิดเเก่คนใกล้ตัว ก็ควรหาทางระวังตังเองด้วย

ที่มา http://www.fungdham.com/fable/fable.html